ป้ายกำกับ

05 มิถุนายน 2553

แนวทางการแนะแนวสำหรับนักเรียนในอนาคต

แนวโน้มสถานการณ์การจ้างงานภาคเอกชนในอนาคต
ไปพูดที่ห้องสุโขทัย โรงแรมท็อปแลนด์ เวลา 09.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2552
ผู้ฟังเป็นครูแนะแนวจากโรงเรียนต่างๆในจังหวัดพิษณุโลกทั้ง 3 เขตการศึกษา
ผู้ฟังประมาณ 200 คน ในนามรองประธานหอการค้าพิษณุโลก
โดยได้รับเชิญจาก สนง.จัดหางาน จ.พิษณุโลก


ท่านผู้มีเกียรติครับ........
(เสียงปรบมือ.......)
ก่อนอื่นต้อง..ขอขอบคุณท่านผู้มีเกียรติที่กรุณาปรบมือให้ผม ใครปรบมือให้ผม ก็ขอให้ถูก ล็อตตารี่รางวัลที่หนึ่ง ในงวดนี้ นะครับ สำหรับท่านที่ไม่ได้ปรบมือให้ผม...ก็ขอให้...............ถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเหมือนกันนะครับ ถูกงวดละ หนึ่งตัว จนครบ หกงวดนะครับ..(ฮา..)
ท่านผู้มีเกียรติครับ จริงๆแล้ว..คุณครูแนะแนวนี่เป็นครูในดวงใจผมเลยนะ ที่ผมได้อะไรๆหลายๆอย่างในวันนี้ ก็เพราะคุณครูแนะแนวนี่แหละครับ ตอนที่เรียนอยู่ ม.ศ. 5 ที่ โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ผมเข้าไปปรึกษาอาจารย์แนะแนว อาจารย์ก็ให้ผมเอาคะแนนต่างๆมาดู อื่ม.. นี่คณิตศาสตร์ อืม..ห่วย ภาษาอังกฤษ...อืม..ห่วย.. เคมี ชีวะ ฟิสิกค์ล่ะ..อืม..อันนี้...ก็ ห่วยอีก...(ฮา..)
“ที่บ้านทำอะไรล่ะ”
“ค้าขายครับ”
“เออ..เธอกลับไปค้าขายดีกว่ามั่ง...” (ฮา..)
จากนั้นผมก็เลยกลับไปทำการค้า อย่างที่เห็นอยู่นี่ นี่ดีนะที่ผมเชื่อครูแนะแนว ถ้าผมไม่เชื่อครูแนะแนว ป่านนี้ผมไปสอบเอ็นทรานส์ติด ป่านนี้คงไม่รู้ไปเป็นลูกจ้างเค้าที่ไหนแล้ว ทำงานแล้วก็ไปเรียนต่อรามคำแหง สุโขทัยธรรมธิราช มหาวิทยาลัยราชภัฏ สำเร็จมั่ง ไม่สำเร็จมั่ง..
อาทิตย์ที่แล้ว ท่านประธานหอฯ ให้หัวข้อผมมาว่า “แนวโน้ม..สถานการณ์...” ไม่ทราบว่าใครคิดหัวข้อนี้ขึ้นมานะครับ ยาวจังท่องมาสามวันแล้วยังจำไม่ได้เลยครับ (ฮา..) ก็ต้องขออภัย และวันนี้ท่านประธานหอไม่มา เดี่ยวมือหนึ่งไม่มา ส่งเดี่ยวมือสองแบบผมมาพูดคุยกับท่านแทน บังเอิญ...ผมก็เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงแรงงานมาพอควร คงทราบนะครับจากพิธีกรว่าผมเป็น ผู้จัดการบริษัท SPC เซอร์วิส รับคนงานเข้าทำงานในบริษัทไทยแอร์โรว์เป็นคอนแท็คเตอร์ ซับคอนแท็ค หรือเรียกกันว่าเป็นเอ๊าว์ช็อต คือ รับจ้างเหมาแรงงานให้โรงงานใหญ่ ๆ เคยทั้งรับคนเข้า และไล่คนออกจากงานมาแล้วมากมายหลายพันคน
ท่านครับ ผมเคยมีคนงานพัน ๆ คน ตอนนี้ไม่เหลือแล้วเพราะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่ทราบๆกันอยู่ ท่านเชื่อมั้ย เมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้ว หลาย ๆ บริษัทแย่งกันรับคนเข้าทำงาน แทบจะฆ่ากันตาย ใครอย่าเดินผ่านออฟฟิตของผมนะ แค่เห็นแวบ ๆ เดินมาหลายคน ผมสั่งลูกน้องเลย เอ็งเดินเข้าไปล็อกตัวเลยนะ คลำ ๆ ดูใครไม่มีหางรับเข้ามาทำงานให้หมด (ฮา) บางครั้งให้ลูกน้องเดินเตร่อยู่ท่ารถ บขส. เอาสวิงไปด้วย(ฮา)เจอใครอายุมากกว่า 18 ไม่เกิน 35 เอาสวิงครอบดึงมาทำงานกับเราให้ได้(ฮา...ปรบมือ) ครับทำกันถึงขนาดนั้น แต่ช่วง ต้น ๆ ปีที่ผ่านมาต้องเปลี่ยนคำสั่งใหม่ สั่งลูกน้องเดินเข้าดูในไลน์งาน สายงานดูซิใครไม่มีหาง เชิญมาทำเรื่องเลิกจ้างให้หมด (ฮา) แต่การเลิกจ้างนั้นทำถูกต้องตามกฎหมายนะครับ คือ จ่ายชดเชย 3 – 9 เดือน มีค่าตกใจเพิ่มให้อีก 1 เดือนครับ(ฮา) ครับ..วิกฤตเศรษฐกิจคราวนี้เริ่มจากอเมริกา ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้เราต้องรับรู้ถึงความเป็นไป...เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกระทบ เพราะยุคโลกาภิวัตน์ ผมจะพูดถึงภาพรวมในระบบเศรษฐกิจและแรงงานก่อนนะครับ ภาพรวมของแรงงานในอนาคต มหภาค และจุลภาคแบ่งออกเป็น 4 ตอน
1. แนวโน้มของการจ้างงานในอนาคตระดับมหภาค
2. แนวโน้มการจ้างงานในประเทศระดับจุลภาค
3. แนวโน้มการจ้างงานในจังหวัดพิษณุโลก
4. แถมให้ถ้าเวลาพอ การปรับตัวของแรงงานจากภาคการศึกษาที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน

1. แนวโน้มของการจ้างงานในอนาคตระดับมหภาค
จากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกจะมีผลทำให้คนว่างงานเพิ่มมากขึ้น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) หรืออินเตอร์ เนชั่นแนล เลเบอร์ ออแกนไนท์เซชั่น รายงานแนวโน้มการจ้างงานโลก
รายงานนำเสนอผลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต 3 สถานการณ์ในการว่างงานโลกระหว่างปี พ.ศ. 2550 – 2552 ซึ่งอาจเพิ่มขึ้น 18 ล้านคน 30 ล้านคน หรืออาจสูงสุดถึง 50 ล้านคน หากสถานการณ์เลวร้ายลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาของตลาดแรงงานและการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้ง 3 สถานการณ์ส่อให้เห็นว่าการว่างงานจะเพิ่มขึ้น
ในการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อาจมีแรงงานถึง 200 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ในจำนวนนี้จะเป็นแรงงานในเอเชียถึง 140 ล้านคน การคาดการณ์นี้ยังระบุว่าแรงงานที่อยู่ในความยากจน (รายได้ต่ำกว่า 2 เหรียญสหรัฐ หรือ 70 บาท ต่อวัน) อาจเพิ่มขึ้น 176 ล้านคน โดยเป็นแรงงานที่อยู่ในเอเชียแปซิฟิคถึง 119 ล้านคน
“สาระสำคัญที่ไอแอลโอต้องการนำเสนอนี้มีความเป็นไปได้สูง ไม่ใช่เพื่อต้องการให้ตื่นตระหนก เรากำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตแรงงานโลก ซึ่งรัฐบาลหลายประเทศทราบดีและกำลังแก้ไข
รายงานฉบับนี้นำเสนอข้อมูลล่าสุด ประเมินว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกจะส่งผลให้มีคนว่างงานเพิ่มขึ้นระหว่าง 15 ถึง 20 ล้านคนในปี 2552 โดยมีประเด็นสรุปที่สำคัญดังนี้
Ÿ สืบเนื่องจากการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 อัตราการว่างงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ในปี 2552 และจะส่งผลให้จำนวนคนว่างงานสูงขึ้น 18 ล้านคนในปี 2552
Ÿ หากสภาวะทางเศรษฐกิจเลวร้ายลงกว่าที่คาดไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งมีความเป็นได้ อัตราการว่างงานทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 และจะส่งผลให้มีคนว่างงานถึง 30 ล้านคน
Ÿ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อัตราการว่างงานทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.1 ซึ่งจะทำให้จำนวนคนว่างงานสูงถึง 50 ล้านคน จะเพิ่มขึ้นถึง 1.4 พันล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของประชากรโลกที่ทำงาน
ในการคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในปี 2552 สัดส่วนของคนทำงานที่ไม่มั่นคง อาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 53 ของประชากรที่ทำงานทั่วโลก ทั้งนี้รวมถึงคนที่ทำงานส่วนตัว หรือสมาชิกในครอบครัวที่มีรายได้ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองต่อความเสี่ยง
ฟังแล้วน่ากลัวไหมครับ นอกจากนั้นการเคลื่อนย้ายฐานผลิตก็เป็นส่วนหนึ่งของการคาดการณ์ในภาวะแรงงานระดับท้องถิ่น แม้นกระทั่งการเคลื่อนย้ายแรงงานจากนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดที่เป็นแหล่งแรงงานที่เลิกจ้างงาน ก็สร้างภาวะที่มีผลต่อแรงงานในระดับท้องถิ่นแบบ เรา ๆ ครับ

2. แนวโน้มการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตจากประเทศพัฒนาไปสู่ประเทศกำลังพัฒนา
ประเทศไทยเป็นฐานผลิตระดับต้น ๆ ที่ประเทศพัฒนาจับจ้องมองอยู่ว่ายังคงเป็นฐานการผลิตทางด้านไอทีได้อยู่ เพราะคนไทยหัวอ่อน ไม่ค่อยโต้เถียงและไม่ค่อยก่อให้เกิดปัญหามากนัก ไม่ชอบขโมยถึงจะขโมยก็ขโมยแต่น้อย ๆ(ฮา) ตอนที่ผมอยู่ไทยแอร์โรว์ เป็นบริษัททำสายไฟรถยนต์ส่งนอก เวลามันจะขโมย เช่น ขโมยสายไฟวันละเส้น ไม่เหมือนที่แถวๆแอฟริกามันเล่นม้วนรอบ ๆ ตัวขนออกมาวันละ 10 กก. เดินตัวแข็งออกจากโรงงานเลยครับ ของเราถึงจับได้บอกว่าหาเงินไปซื้อนมให้ลูก ผมก็วิธี การุณฆาตให้ออกโดยไม่จับติดคุก แถมยังช่วยค่านมลูกเธอไปอีก 2,000 บาท
ส่วนการผลิตที่เราท่านคิดว่าจะย้ายจากประเทศเราไปประเทศเวียดนามบ้าง เขมรบ้าง จีนบ้าง ลาวบ้าง ส่วนพม่าไม่ต้องพูดถึงป่านนี้มันรบกันไม่เสร็จเลย แล้วไม่ต้องกลัวนะครับ ส่วนใหญ่ประเทศที่ผมพูดถึงจะเป็นการผลิตที่ไม่ใช้โนว์ฮาวมากนัก จะใช้แต่แรงงานล้วน ๆ
การผลิตทางเกษตรมีการเคลื่อนย้ายแรงงานบางส่วนไปแถวแอฟริกา บางส่วนของประเทศในเอเชียตะวันออกกลาง ซาอุ อามิเรต บรูไน มาเช่าที่ไทย เขมร แอฟริกา แรงงานทางเกษตรก็มากขึ้นตามมาในอนาคต และเราเชื่อว่าคนไทยปลูกข้าวเก่งที่สุดในโลกจริง ๆ นะครับ เขาเลยต้องมาจ้างเราหรือประเทศใกล้เคียงปลูกข้าวให้กิน เพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถกินน้ำมันแทนข้าวได้ นี่ก็เป็นแรงงานอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ

3. แนวโน้มการจ้างงานในระดับภูมิภาค เอาสั้น ๆ ก็บ้านเรานี่แหละ
พวกเราลองมาหลับตาแล้วขึ้นไทม์แมชชีนไปกับผม ไปดูอนาคตของบ้านเราในอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า ท่านทราบมั้ยว่า...
- พิษณุโลกจะเป็นศูนย์กลางสี่แยกอินโดจีนเป็นเมืองบริการทางด้านธุรกิจ ด้านท่องเที่ยว และการศึกษา จากการผลักดันและขับเคลื่อนของหอการค้าพิษณุโลก
- ประชากรจะเพิ่มขึ้นอีกทั้งจีน ไทย ฝรั่ง ญวน เขมร ลาว พม่า ศูนย์รวมคนหลายชาติ
- เป็นศูนย์กระจายสินค้าระดับประเทศและภูมิภาค
- เป็นศูนย์ประชุมแห่งชาติ และศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติระดับ
* มีสนามบินนานาชาติ รถไฟรางคู่
* สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ
* แถมมีนิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ห่างเพียง 40 กม.
เป็นไงครับฟังแล้วตื่นตาตื่นใจดีมั้ย แล้วคนของเราล่ะเราจะเตรียมคนของ เราอย่างไรบ้าง ต้องเตรียมแรงงานชนิดใด อย่างไรบ้างครับ และมีแนวโน้มอย่างกับเด็กของเรานักเรียน นักศึกษาที่กำลังจะออกสู่ตลาดแรงงานอย่างไรในอนาคต
อาชีพด้านบริการ โรงแรม, สรรพสินค้า, ร้านอาหาร, เสริมสวย, ตัดผม, ท่องเที่ยว, ไกด์, ร้านค้าต่าง ๆ รับเลี้ยงเด็กต่างชาติ
ภาษา โรงเรียนสอนภาษาจีน, ไทย, อังกฤษ ฯลฯ
อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ศูนย์ซ่อม ร้านขายคอมพิวเตอร์
แรงงานด้านฝ่ายผลิต เช่น ไทยแอร์โรว์ มอนซานโต้ ไทยนิปปอน ฯลฯ
สำหรับเรื่องการทำงานนั้น ผมรู้สึกขัดใจมาก ในฐานะเป็นเจ้าของกิจการ สถาบันต่าง ๆ มักจะสอนคนให้ออกไปเป็นขี้ข้า เช่น หนังสือคู่มือนักศึกษาสถาบันต่าง ๆ มักจะสอนคนให้ไปเป็นลูกจ้าง เช่น หลังจากจบจากคณะนี้แล้ว นักศึกษาจะได้ออกไปเป็นลูกจ้างเขาอย่างภาคภูมิใจ เฮ้อ ..(ฮา)
การประกอบอาชีพในอนาคตมีคนบอกว่าแบ่งออกเป็น 3 แบบ
1. เป็นมนุษย์กินเงินเดือนไม่ว่าข้าราชการ หรือ ลูกจ้างก็ตาม เงินออก 1 วันนอกนั้นจ่าย 29 วัน
2. เจ้าของกิจการมีโอกาสฟลุ๊ค
3. ที่ดีที่สุดก็คือ ทูอินวัน คือเป็นทั้งลูกจ้างและเจ้าของกิจการตนเอง
เหมือนกับพวกท่านล่ะครับ ประกอบอาชีพหลังเวลาเลิกงานก็ได้ ได้ถึงสองเด้ง

4. การปรับตัวและการพัฒนาตนเองเพื่อให้เป็นแรงงานที่ดีในระบบ
คนทำงานในอนาคตจะต้องเป็นดังนี้
1. เก่งรอบด้าน
2. ชำนาญเฉพาะเรื่อง
3. เฟื่องเรื่องภาษา
4. หาเมียรวย (เอ้ยไม่ใช่) หาความรู้ทางอินเตอร์เน็ต

รายละเอียดดังนี้
1. เก่งรอบด้าน คือเก่งหลาย ๆ ด้าน ท่านทราบหรือไม่ว่าปัจจุบันนี้บริษัทใหญ่ ๆ เช่น ไมโครซอฟ ธนาคารกสิกรไทย มอนซานโต้ ไทยแอร์โรว์ บริษัทพีซี แม้กระทั่งโรงเรียนเอกชนต้องการคนเก่งรอบด้าน เช่น เรื่องภาษานอกจากภาษาไทยแล้วภาษาอื่น ๆ เช่น อังกฤษ จีน หรือแย่สุดภาษาพม่าก็ได้ เพราะการทำงานในอนาคตเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราต้องสัมผัสกับชาวต่างชาติ เช่น ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เยอรมันแล้วก็.. พม่า (ฮา...) จริง ๆ นะ อย่างเพิ่งหัวเราะเยาะนะครับ ผมมีเพื่อนลูกสาวอยู่คนหนึ่งสอบเข้าอะไรไม่ได้เลย เลือกเรียนเอกพม่าที่ มน. ตอนแรกผมก็คิดว่า อืมมันตกต่ำถึงขนาดต้องไปเรียนภาษาพม่าเลยเหรอ แต่ขอโทษนะครับ ปัจจุบันนี้ไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมลำพูนอยู่ฝ่ายบุคคลดูแลคนงานพม่าในโรงงานมันฝรั่งทอดกรอบฟิโตเลย์ เงินเดือนหลายหมื่นเชียวครับ
2. ชำนาญเฉพาะเรื่อง คนเก่งเรื่องพิธีกร นักร้อง นักพูด หัวหน้าทำกิจกรรม อันนี้ต้องเก่งจริง ๆ นะ ก็จะมีอาชีพที่มีรายได้ดีเก่งกฎหมายก็เป็นทนาย ผู้พิพากษาไป ซึ่งเป็นอาชีพอิสระ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ค่อยน่าหนักใจสำหรับครูแนะแนว เพราะเรียนเก่งจะไปทางไหนได้ทั้งนั้น มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชีวิตชอบเลี้ยงแต่สุนัข เรียนจบแค่ ม.ศ.3 สมัยก่อนนะครับ มันเลี้ยงแต่สุนัขอย่างเดียว ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย เดี๋ยวนี้รวยครับ ตั้งฟาร์มสุนัขใหญ่โตอยู่ที่นครปฐม
3. เฟื่องเรื่องภาษา นี่ก็สำคัญนะครับมีคนบอกว่าการรู้จักภาษาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งภาษาก็กำไรชีวิตขึ้นมาอีกหนึ่งชีวิต เพราะการทำงานในอนาคตเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราต้องสัมผัสกับชาวต่างชาติ เช่น ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ และที่สำคัญอย่างน้อยเวลาเข้าไปในเน็ต เราจะได้อ่านออกว่าอันไหนเป็นเว็บโป๊ แหะๆ (ฮา) เรา...จะได้ไม่เข้าไปดูไงล่ะ เราจะได้ปิดแล้วไปดูเว็บอื่นที่ไม่โป๊แทน
4. หาเมียรวย...(เอ้ย..ไม่ใช่) หาความรู้ทาง (อินเตอร์เน็ต) เพราะรู้จักใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต
- ท่านทราบไหมครับว่าเด็กสมัยนี้เก่งเรื่องเน็ตมากกว่าเราเยอะ สมัยต่อไปนะครับคนเราจะอ่านหนังสือพิมพ์ทางเน็ต ติดต่อทางเน็ต ค้าขายทางเน็ต
- อนาคตคนจะซื้อของทางเน็ต เสริตทางกูเกิล หาสินค้า
เหมือนร้านของผมเอง เปิดร้านตั้งแต่ปี 2520 ปัจจุบัน 2552 (32 ปี) มีคนเข้าร้านไม่เกิน 30,000 คน เปิดขายทางเว็บกับคน 64 ล้านคนตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบันเข้ามาเกือบสองแสนคน ทั้งๆที่เพิ่งทำได้ 1 ปีเท่านั้น
- อาคารพาณิชย์ ตึกต่าง ๆ จะลดราคาลง คนจะเดินห้างแทน
- บ้านจัดสรร ทาวน์เฮ้าส์จะขายดีขึ้น คอมพิวเตอร์จะเป็นเครื่องมือที่ต้องมีทุกบ้าน ทุกๆบ้านจะมีอินเตอร์เน็ต
- สิ่งที่คาดไว้ และเชื่อแน่ว่าไม่ไกลเกินไปนัก สังเกตมั้ยครับ มือถือสมัยก่อนเมื่อปี 2534 – 35 ราคาแพงมาก ปัจจุบันบางคนมี 2 เครื่อง อย่างผมนี่ต้องพก 2 เครื่อง เพราะบังเอิญมี 2 มือ ถ้ามีสามมือคงต้องพกเพิ่มอีก 1 เครื่อง เพราะทำธุรกิจทางเน็ตนั้นการติดต่อทางโทรศัพท์มีตลอดเวลาทั้งวัน ตลอด 24 ชั่วโมงครับ นี่เป็นอีกเรื่องที่คุณครูแนะแนวต้องแนะลูกศิษย์ให้ปรับตัวให้ทันตามเทคโนโลยี
ครูแนะแนวจะต้องรู้ทันอินเตอร์เน็ตและสามารถนำอินเตอร์เน็ตมาเป็นแนวทางในการแนะแนวได้ เพราะเด็กสมัยนี้เชื่อเพื่อนในเน็ตมากกว่าครูหรือพ่อแม่ จนมีคำพูดว่าเด็กอนุบาลเชื่อพ่อแม่ ..เด็กประถมเชื่อครู...เด็กมัธยมเชื่อ..เพื่อน นักศึกษาปริญญาตรีเชื่อตำรา...นักศึกษาปริญญาโทเชื่อตัวเอง..พวกด็อกเตอร์เชื่อ........หมอดู.(ฮา...)
ท่านผู้มีเกียรติครับ ผมเคยปลอมเป็นนิสิตไปเล่นเอ็มกับลูก ถามปัญหาต่างๆกับลูกโดยเค้าไม่รู้ โอ้โฮ รู้เรื่องต่างๆของวัยรุ่นมาเยอะครับ และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกได้หลายๆเรื่องโดยเขาไม่รู้ตัว ...วันหลังคาดว่าครูแนะแนวเราคงต้องเป็นแบบนี้
สรุปแล้วนะครับ แรงงานในอนาคตจะมีความหลากหลาย ใครใคร่เป็นลูกจ้างก็เป็น ใครใคร่เป็นพ่อค้าเป็นไป บ้านเมืองก็ยังเก็บภาษีท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนเดิม
ครับ สำหรับแรงงานในบ้านเรานั้น คาดว่าภายในไม่เกินปีสองปีนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง และเฟื่องฟูเหมือนเดิม ฟันธง!!
สุดท้ายนี้ สิ่งที่อยากจะฝากให้คุณครูที่รักทุกท่านต้องสอนให้เด็กรู้จักหน้าที่ ความรับผิดชอบ และแนะแนวทางให้ยึดมั่นในความเป็นอยู่อย่างพอเพียงตามพระราชดำริของในหลวงของเรา คือ รู้จักพอเพียงและเพียงพอ..
ขอบคุณครับ.

08 มีนาคม 2553

สิ่นหมิ่นพัฒนา 2553 มี.ค.

หายหน้าไปจาก blogspot เสียนาน เนื่องจากติดภาระกิจ มากมาย
แม้น กระทั่งวันนี้ ก็ยังไม่ค่อยจะมีเวลา มากนัก
มีเรื่องจะเล่า....
.....................
........................
ว้า..
ไม่ว่างอีกแล้ว..
รอเดี๋ยวนะครับ..
..................
มาแล้ว
ช่วงปลายเดือน กุมภาฯ วันที่ 26-27 ผม กับครูเบญ (รร.สม.) ครูโอ๋ (รร.ประชาราษฎร์)
ไปอบรมเกี่ยวกับการใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ไม่มีลิขสิทธิ์( open source)
ที่ รร.บางละมุง จ.ชลบุรี
...
เด่วนะ.. ไม่ว่างอีกแล้ว ..
ขออภัยคนอ่านด้วยนะ ..

22 สิงหาคม 2551

โต้วาที

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา เนื่องจากมีภาระกิจมาก ต้องบริหารเวปของกิจการตนเอง
ก็ทำ e-commerce
หลายคนถามว่า การทำธุรกิจทาง internet นั้น มันดีหรือ..
เก็บเงินได้หรือไม่ มีปัญหาอย่างไร..
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างจังหวัด
ครับ..
ก็แน่นอน..ก็ปัญหามีไว้แก้นี่ครับ
สำคัญที่ ที่เราจะแก้ได้หรือไม่ มากกว่า..
ต้องขออภัยคณะครูและผู้ที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ ที่ผมไม่ค่อยจะมีเวลา..


แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโรงเรียนของเราต่อไป..
ต้องยอมรับครับ..เรายังไปไม่ถึงไหนเลย..
ผมได้เริ่มพัฒนาโรงเรียนได้ยังไม่มากนัก..คาดว่ายังไม่ถึง 10% ของสิ่งที่ต้องการจะเห็นเลยครับ
แต่..ก็ต้องพยายามต่อไป..
วันนี้พอดีได้อ่านบทความของ อ.สมลักษณ์ (ผู้ปกครอง นร.)มีเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนของเรา
ก็เลยอยากจะเอามาฝากไว้ให้อ่านกันดูนะครับ.
ท่านเขียนบรรยายได้ดีครับ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการโต้วาที เรื่อง "เป็นผู้ปกครองลำบากกว่าเป็นครู..?"
ลองติดตามอ่านดูนะครับ..

http://www.gotoknow.org/blog/beesman/189328

Free Website Counter



18 กรกฎาคม 2551

ความขัดแย้ง..

ความขัดแย้ง..

ความขัดแย้ง คือ สิ่งที่ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกัน สิ่งที่ตรงข้ามความแตกต่างความไม่สัมพันธ์

ถ้ามนุษย์เรารับรู้ ถึงความแตกต่างที่มีอยู่ ดังนั้นความขัดแย้งก็ย่อมมีอยู่ (คถตา:มันเป็นเช่นนั้นเอง))นอกเหนือจากนั้น คำนิยามของความขัดแย้งจะรวมไปถึงความคิดที่ตรงข้ามกันแบบตกขอบ การใช้เล่ห์เพทุบาย การไม่ลงรอยกันซึ่งต้องใช้ความพยายามสูงในการควบคุม ความขัดแย้งที่เปิดเผยออกมาให้เห็น เช่น การขัดขืน การสไตรค์ การจลาจล สงคราม เป็นต้น



มีความคิดสำหรับหัวข้อนี้ หลายๆประการด้วยกันที่มีผลกระทบต่อองค์กร..



บางคนบอกว่าความขัดแย้ง ทำให้องค์กร แตกแยก ขาดความสามัคคี..

บางความคิดก็ว่า ความขัดแย้ง ก่อให้เกิด การสังสรรค์ และพัฒนา..

หลายคนกลับบอกว่า ความขัดแย้งก่อให้เกิดความสมดุลย์..



ครับ...ก็หลากหลายความคิด



สำหรับแนวคิดในเรื่องของความขัดแย้งนั้น Robbins(1998:12 -14) ได้แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ

1.แนวคิดแบบดั้งเดิม สรุปว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เลวร้าย หน้าที่ของผู้บริหาร คือ การขจัดความขัดแย้ง ผู้บริหารระดับสูง เป็นผู้แก้ปัญหาความขัดแย้ง

2.แนวคิดพฤติกรรมศาสตร์ สรุปว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งธรรมชาติหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่จะเกิดผลร้ายแรงต่อองค์การอย่างเดียว แต่อาจจะทำให้เกิดผลดีต่อองค์การด้วย หน้าที่ของผู้บริหาร คือ จัดระดับความขัดแย้ง กระตุ้นหรือยุติความขัดแย้ง เพื่อดำเนินการที่ดีกว่า และสมดุลย์

3.แนวความคิดด้านปฏิกิริยาสัมพันธ์ นับเป็นแนวคิดที่มองความขัดแย้งในแง่ดี สร้างสรรค์ คล้าย ๆ

กับแนวพฤติกรรมศาสตร์ที่มองว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งจำเป็น ควรกระตุ้นให้เกิด การบริหารความขัดแย้งก็คือ การยอมรับว่าความขัดแย้ง การกระตุ้น การแก้ไข ..



การแก้ปัญหาความขัดแย้งเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร และเพื่อให้การขัดแย้งนั้นนำไปสู่ความสมดุลย์ และพัฒนาองค์กรไปได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ.



...............................
นับว่าเป็น ปัญหาที่ค่อนข้างจะน่าหนักใจ สำหรับผู้บริหารมือใหม่ หลายๆคน
เพราะปัญหาในแต่ละองค์กรนั้น ย่อมมีปัญหาไม่เหมือนกัน
จะใช้สูตรสำเร็จมา แก้ปัญหานั้นอาจจะไม่ ประสบกับความสำเร็จได้เลย.

12 กรกฎาคม 2551

สิ่นหมินพัฒนา v 7.0

เรื่องการจัดซื้อสิ่งของต่างๆเพื่อใช้ในการเรียน การสอน ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจุบันนี้ การจัดซื้อในองค์กรต่างๆมักจะมีปัญหาเรื่องเปอร์เซ็นต์ค่าคนดำเนินการจัดซื้อ มักจะมีการเอาผลประโยชน์เข้าตัว ซึ่งจะก่อให้เกิด การคอร์รัปชั่น ซึ่งมีหลายวิธีด้วยกัน..เท่าที่รู้ ขอยกตัวอย่างให้เพื่อนครูได้รับทราบดังนี้..


๑.ขอเปอร์เซ็นต์ จากการจัดซื้อ เช่นไปตกลงกับร้านค้า ว่าถ้ามาซื้อที่ร้านนี้แล้ว ขอส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์บ้าง 15 เปอร์เซ็นต์บ้าง แล้วแต่สินค้าที่กำไรมาก กำไรน้อยของทางร้านเขา


๒.บวกบิลเพิ่ม ซื้อสินค้า ราคา 100 บาท บอกให้ร้านลงราคาไป 150 บาท กำไรเหนาะๆเข้าตัวเอง 50 บาทต่อชิ้น ถ้าซื้อซัก 50 ชิ้นก็ได้กำไรแล้ว 2500 บาท สบายไป


๓.เติมบิลใหม่ นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะหาเงินใส่กระเป๋าตัวเอง กรรมวิธีหรือครับ..
ง่ายๆดังนี้ เช่น ซื้อ ลูกฟุตบอล 30 ลูก แต่ให้ลงเพิ่มอีกว่า ซื้อปูนขาวโรยเส้นสนาม อีก 300 ถุง จริงๆแล้วไปซื้อปูนขาว แค่ 100 ถุง กำไรเข้ากระเป๋าสบายๆอีก 200 ถุง ถ้าถุงละ15 บาทก็รับทรัพย์ ไปอีก 3000 บาท สบายไป..สินค้าพวกนี้ตรวจนับได้ก็จริงเวลาร้านค้ามาส่งของเขาจะเอามาครบ แต่เวลาเอาไปโรยเส้นก็โยแค่ 100 ถุง ที่เหลือก็เอาไปคืนรับเงินกลับไปแทน..


๔. ขอของแถม เช่น ซื้อสินค้าอะไรก็ตาม ก็ขอของแถมจากร้านค้า เสมอๆ ซื้อกระดาษสามห่อ ขอไดอารี่ซักเล่มนะ เอาไปใช้ส่วนตัว (ทำตัวเหมือนขอทาน) ร้านค้าก็ไม่โง่หรอกครับ เขาก็บวกราคาในตัวสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว คราวนี้บวกไม่ได้ ก็บวกงวดหน้า โรงเรียนก็ซื้อของแพงขึ้น..เฮ้อ..



จริงๆแล้ววิธีการต่างๆมีมากกว่านี้ กลัวเขียนต่อแล้วจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกเสียเปล่าๆ
แต่... ผมเชื่อว่า คุณครู รร.สิ่นหมิน ไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน (เพราะคุณครูทุกท่านมีเกียรติเชื่อถือได้)
.... ผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ...
สำหรับการจะสั่งซื้ออะไรก็ตาม ผมให้เน้นดังนี้...



“ จำเป็น ประโยชน์ ประหยัด โปร่งใส เครือข่าย ”


จำเป็น ต้องจำเป็นจะใช้จริงๆเพื่อให้ นักเรียน และครูได้รับสิ่งที่ดีที่สุด


ประโยชน์ ต้องมีประโยชน์ สำหรับใช้ในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี และสะดวกเพื่อให้เด็กได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ


ประหยัด อันนี้คงไม่ต้องบรรยาย ต้องซื้อของที่ดี เหมาะสมกับราคา ถูกและใช้งานได้ดีตามสภาพของสินค้านั้นๆ


โปร่งใส แน่นอนครับ การจัดซื้อ ควรจะมีการสอบราคาหลายๆแห่ง ให้ได้ราคาที่ถูก ควรต้องการใช้งาน ไม่มีการขอเปอร์เซ็นต์ ไม่มีบวกเพิ่มราคา


เครือข่าย ต้องซื้อสินค้าและบริการจาก กลุ่มคณะกรรมการใน รร.หรือ สมาชิกสมาคมของเราเท่านั้น นอกจากร้านในกลุ่มเราไม่มีสินค้านั้นๆ จึงไปหาซื้อที่อื่นๆได้ อันนี้คงไม่ต้องอธิบายนะครับ..

การจัดซื้อทุกครั้งที่มีมูลค่าเกิน 1000 บาท ต้องมีการดำเนินการดังนี้..

๑.ต้องมีโครงการ เสนอให้ ผอ. และประธานฯรับทราบก่อน

๒.ต้องมีบันทึกการจัดซื้อให้ ผอ.เห็นชอบ

๓.สืบราคา อย่างน้อย สองร้านค้า

๔.ให้ ผอ. และประธานฯ อนุมัติการจัดซื้อ
๕.เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ให้นำบันทึกนั้นๆไปให้กองการเงิน(คุณรุ่งทิวา)จัดซื้อต่อไป..


หวังว่าการจัดซื้อครั้งต่อไป ได้โปรดช่วยกันดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวนะครับ

เพื่อความเป็นระเบียบขององค์กรของเรา ให้เข้าสู่ระบบสากลเสียที...

หรือ..คุณครูมีความคิดเห็นต่างจากนี้ ก็ แสดงความคิดเห็นได้นะครับ..

ยินดีฟังเหตุผลของคุณครูทุกคนอยู่แล้วจ๊ะ..

----------------------------------------

-----------------------------------------



Free Website Counter

Free Counter

30 มิถุนายน 2551

สิ่นหมินพัฒนา v 6.0

30 มิย.51
11.20 น.
วันนี้ว่างจากงานประจำ ลองเดินเลียบๆเคียงๆเข้าไปดูใน รร.
โดยเฉพาะที่โรงอาหาร อื่ม...ม.. ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดีนะ
เห็นเด็กนักเรียนลงมารับประทานอาหารกัน ดูสนุกดี เด็กหลายๆคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
คาดว่า อาหารคงถูกใจ กับข้าวอร่อย..
เลยลองให้ครูโภชนาการตักอาหารใส่ถาดหลุมแบบที่คุณครูทานกัน ลองมาทานดูซิ
อื่ม..ม.. อาหารถูกปาก มีต้มจืด ผัดผัก ดูคล้ายๆแกงหมูเทโพ ออกจะหวานนิดๆ
ก็คงถูกใจเด็กๆ ผัดกระเพราหมู หมูเยอะดี ไม่ใช่มีแต่วิญญาณหมูเหมือนเมื่อก่อน
ก็เลย..ชมเชยครูอ้อยและผู้เกี่ยวข้องไปเล็กน้อย..(กลัวชมมากจะเหลิง)
เธอก็บ่นบ้าง กลัวใส่เนื้อหมูเยอะจะขาดทุน ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร
"ถ้าเด็กๆได้รับแต่สิ่งดีๆ อาหารครบหมู่ ครบตามคุณค่าของการโภชนาการ
ก็ โอเค เรื่องขาดทุน เอาไว้คิดกันทีหลัง"
ก็เลยแนะนำไปว่า..เรื่องเมนูอาหารควรจะหากระดานมาซักแผ่น ติดไว้บริเวณ
โรงอาหาร ให้เด็ก นร.เขียนรายการกับข้าวที่อยากจะทานในวันรุ่งขึ้น
ว่าต้องการทานอะไร ทางฝ่ายโภชนาการ ก็ทำกับข้างอย่างที่เด็กต้องการ
ก็คงจะดีไม่น้อย..
...........................
คุณครูจอย ครูอัน เข้ามาพบและพูดคุยด้วยในห้องขายคูปอง
สักพัก พอดี อาจารย์ใหญ่เข้ามาพบแล้วร่วมวงคุยกัน..

ผมเลยออกตัวว่าไม่ได้เข้ามาจับผิดนะ แต่จะลองดูซิว่า
ถ้าโรงเรียนไม่ได้เตรียมพร้อม อาหารต่างๆจะดีหรือไม่..ปรากฎว่า ..
โอเค ดีมาก..ไม่ผิดหวัง
และเชื่อว่า ครู รร.เรา มีศักยภาพสูงไม่แพ้โรงเรียนไหนๆจริงๆ
หลังจากที่เข้ามาสัมผัส เพียงแต่อาจจะขาดกำลังใจไปบ้าง
ถ้ากระตุ้นถูกทาง รับรองว่าไปโลด.....
..
ผมโชคดีอยู่บ้าง ที่เข้ามาบริหารดูแลโรงเรียนสิ่นหมินแล้ว ได้รับความร่วมมือ
จากคณะครูดีมากเลยครับ..
ขอบใจ และขอบคุณมากนะ..คุณครูที่รักทุกท่านครับ...
เชื่อว่า... ถ้าครูทุกคนให้ความร่วมมืออย่างนี้แล้ว...

" ไม่เกิน 3 ปี โรงเรียนสิ่นหมิน จะเป็นโรงเรียนที่ ฮิต และฮอต ที่สุด ..! "
และเราคงไม่ต้องไปไล่ต้อนให้เด็กนักเรียนให้มาเรียนที่โรงเรียนเราอีกต่อไป...
เพราะผู้ปกครองคงจะนำเด็กมาแย่งกันเข้าเรียนกับเราเองแหละ ..

คุณว่ามั้ย ..?

-----------------------------------------

23 มิถุนายน 2551

กำลังใจ


วันนี้รู้สึกเซ็งๆ เลยหยิบหนังสือธรรมะมาอ่าน..

คำของท่านพุทธทาสภิกขุ สอนไว้อย่างมีประโยชน์ ดังนี้

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง

อ่านจบ ทำให้นึกถึงบทกลอนขึ้นมาอีกบทหนึ่ง
อ่านมานานแล้ว.....
จำไม่ได้ ว่าใครแต่ง
..
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ
...................
อีกบทนึงของ"หลวงวิจิตรวาทการ"
.......เป็นการง่าย ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่น เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คนที่ ควรชม นิยมกัน
ต้องใจมั่น ยิ้มได้ เมื่อภัยมา
.................

Free Website Counter

Free Counter