บันทึกถึง..ท่านผู้ที่เกี่ยวข้อง
โรงเรียนสิ่นหมินของเรา ยุคนี้บริหารโดย "มูลนิธิสิ่นหมินพัฒนา"โดยมี
คุณวาณิช ศิริเจริญภัณฑ์ เป็นประธานมูลนิธิ และมีคณะกรรมการบริหารโรงเรียนชุดหนึ่งเป็นผู้บริหารโดยตรง เรียกว่า..
บอร์ดใหญ่
และ..มูลนิธิสิ่นหมินพัฒนา ขึ้นกับ สมาคมจีนจังหวัดพิษณุโลก มีคุณวรรณี ด่านสว่างเป็นนายกสมาคม
เอาเป็นว่า..ความเป็นมาก็โดยคร่าวๆแค่นี้นะครับ
ท่านครับ..
แวบแรกของความคิด.. "หนักใจ..กังวลใจ และลำบากใจ..ไม่อยากเข้ามาบริหารเลยจริงๆ เพราะพอทราบปัญหา หลายๆอย่าง ที่ต่อเนื่องและเรื้อรังอยู่ ""ไม่ใช่เพราะผู้บริหารเดิมไม่ดีนะครับ..แต่ ปัญหาต่างๆมันต่อเนื่องมานานปี ต้องอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดขาด และกล้าหาญ เพราะ เราจะต้องเผชิญกับ เรื่องผลประโยชน์ต่างๆ กับหลายฝ่าย ไม่ว่า กับคณะครู ผู้ปกครองนักเรียน ร้านค้า และผู้ที่เป็น Stakeholder(ผู้มีส่วนได้เสีย)ต่างๆ "
"บางครั้งอาจจะต้องปะทะกับครูเก่าๆที่ยังยึดมั่น กับวิธีการสอนแบบเดิมๆ ซึ่งเคยใช้ได้ดีเมื่อสมัย 20-30 ปีที่แล้ว"
" หลายสัปดาห์ ที่เตรียมตัวมาบริหาร ได้พยายามศึกษาถึงปัญหา และระบบการบริหารต่างๆที่ เป็นอุปสรรค ทำให้โรงเรียนไม่บรรลุถึงเป้าหมาย ปัญหาเยอะพอควร เรียกว่า แตะตรงไหนเป็นปริตรงนั้น..ทำไงดีนะ"
"บางครั้งยังโดนปรามาส จากคนที่อยูในแวดวงการศึกษา ว่า..เองเป็นพ่อค้าเจ๊กๆจีนๆธรรมดา จะรู้เรื่องอะไรกับการศึกษาวะ.."
"บางครั้งยังโดนปรามาส จากคนที่อยูในแวดวงการศึกษา ว่า..เองเป็นพ่อค้าเจ๊กๆจีนๆธรรมดา จะรู้เรื่องอะไรกับการศึกษาวะ.."
"ผมเชื่อว่า..แม้นแต่คณะคุณครูเอง คงคิดในใจ น้ำหน้าอย่างมึง จะทำไปได้สักกี่น้ำวะ .."
แต่ท่านครับ..."คำปรามาสเหล่านี้ผมได้แต่เก็บไว้ในใจ..และจะพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่ปัญญาที่พอมีอยู่บ้าง"แล้วเราจะคอยดูกันต่อไป.....
สิ่งแรกที่ผมคิด...
แต่ท่านครับ..."คำปรามาสเหล่านี้ผมได้แต่เก็บไว้ในใจ..และจะพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่ปัญญาที่พอมีอยู่บ้าง"แล้วเราจะคอยดูกันต่อไป.....
สิ่งแรกที่ผมคิด...
โรงเรียนจะเจริญ และพัฒนาไป โดยมีทิศทางที่ดี และเหมาะสม ต้องมาจาก คณะครูก่อนเป็นอันดับแรก..
ผมต้องพัฒนาบุคคลากรในโรงเรียน(คณะครู-เจ้าหน้าที่-พนักงาน)ก่อน..
ผมบอกกับตนเองอยู่ในใจ..
อันดับต่อมา..ต้องปรับเปลี่ยนระบบบริหาร การบังคับบัญชา การเอาจริงเองจังกับการสั่งการต้องเฉียบขาด และชัดเจนไม่ซับซ้อน แถมต้องโปร่งใส ตอบได้กับทุกคำถามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และต้องให้คุณให้โทษได้กับผู้ที่ปฏิบัติตาม และผู้ที่ฝ่าฝืน
พร้อมๆกันนั้น..ต้องพัฒนาเทคโนโลยี ทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ สื่อการเรียนการสอน เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆที่จำเป็น เปรียบเสมือน ส่งคณะครูไปออกรบแล้วต้องติดอาวุธทางปัญญาให้ด้วย ไม่งั้น รบกี่ครั้งก็แพ้ลูกเดียว..หรือท่านว่าไม่ใช่ล่ะ ?"
การสอนของคณะครูก็เช่นเดียวกันต้อง พัฒนาการสอนแบบบูรณาการ(คำพูดที่เข้ากับยุคสมัย..แต่ก็ยังใด้นะ) การสอนไม่ใช่สักว่าแต่..สอน สอน และสอนเท่านั้น ต้องรู้จักสอนให้เด็กนักเรียนรู้วิธีการเรียนด้วย เพราะเด็กๆมาจากสภาพครอบครัวที่แตกต่าง การรับรู้วิชาการต่างๆ รับได้ไม่เท่ากัน บางคนเป็นกะลามังใหญ่ๆ รับรู้การสอนได้เต็มที่ บางคนเป็นเป็นถ้วยเล็กๆ บางคนเป็นกระชังก้นรั่ว บางคนเป็นปากขวด รับอะไรแทบไม่ได้เลย คุณครูจึงต้องมีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไป ให้เหมาะกับทุกคน สมกับวัยของเด็กแต่ละคน
จากนั้นก็มาดูที่นักเรียน ครับ..เด็กนักเรียนต้องพัฒนาควบคู่กันไปให้สู่สุดยอดของการเรียน ความรู้ ความสามารถรอบตัวทุกด้าน ที่จะแข่งกับใครก็ได้ใลกนี้ อย่าว่าแต่ในจังหวัดพิษณุโลกเลย (อันนี้โม้นิดๆ)..
ส่วนผู้ปกครองล่ะ..นี่ก็ต้องพัฒนาการสอนให้ผู้ปกครอง รู้จัก การดูแลลูกหลานของท่านให้เข้ากับการพัฒนาของเด็กในแต่ละวัยเช่นกัน จึงคิดอยากจะเปิดโรงเรียนที่มีการอบรมให้ผู้ปกครองรู้จักช่วยเหลือเด็กในยามที่เด็กกลับถึงบ้าน..ไม่ใช่ อะไรๆ ก็โยนให้ครูทั้งหมด..อันนี้ต้องเข้าใจนะครับ ครูไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กนักเรียน และครูไม่ใช่เทวดาที่จะบันดาลอะไรๆให้กับเด็กได้ทุกอย่าง..ดังนั้นผู้ปกครองต้องช่วยกันด้วย..เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของบุตรหลานท่าน ผู้ปกครองบางท่านก็เหลือเกินจริงๆ เช้า แปดโมงปุ๊บ มาโยนเด็กไว้ที่โรงเรียน แล้วมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นภาระของครู เย็นๆ ห้าโมงกว่าๆ ก็มารับกลับ แถมกลางคืนเวลาเด็กอยู่บ้าน ก็ปล่อยให้เด็กเล่นเกมบ้าง ดูทีวีบ้าง ไม่ได้ช่วยเด็กในเรื่องการเรียนเลย..ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก รุ่งเช้าก็มาโยนไว้อีก..
จากนั้นก็มาดูที่นักเรียน ครับ..เด็กนักเรียนต้องพัฒนาควบคู่กันไปให้สู่สุดยอดของการเรียน ความรู้ ความสามารถรอบตัวทุกด้าน ที่จะแข่งกับใครก็ได้ใลกนี้ อย่าว่าแต่ในจังหวัดพิษณุโลกเลย (อันนี้โม้นิดๆ)..
ส่วนผู้ปกครองล่ะ..นี่ก็ต้องพัฒนาการสอนให้ผู้ปกครอง รู้จัก การดูแลลูกหลานของท่านให้เข้ากับการพัฒนาของเด็กในแต่ละวัยเช่นกัน จึงคิดอยากจะเปิดโรงเรียนที่มีการอบรมให้ผู้ปกครองรู้จักช่วยเหลือเด็กในยามที่เด็กกลับถึงบ้าน..ไม่ใช่ อะไรๆ ก็โยนให้ครูทั้งหมด..อันนี้ต้องเข้าใจนะครับ ครูไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กนักเรียน และครูไม่ใช่เทวดาที่จะบันดาลอะไรๆให้กับเด็กได้ทุกอย่าง..ดังนั้นผู้ปกครองต้องช่วยกันด้วย..เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของบุตรหลานท่าน ผู้ปกครองบางท่านก็เหลือเกินจริงๆ เช้า แปดโมงปุ๊บ มาโยนเด็กไว้ที่โรงเรียน แล้วมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นภาระของครู เย็นๆ ห้าโมงกว่าๆ ก็มารับกลับ แถมกลางคืนเวลาเด็กอยู่บ้าน ก็ปล่อยให้เด็กเล่นเกมบ้าง ดูทีวีบ้าง ไม่ได้ช่วยเด็กในเรื่องการเรียนเลย..ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก รุ่งเช้าก็มาโยนไว้อีก..
แล้วมาบอกว่า..เออ ลูกฉันไม่เอาใจใส่การเรียนเลย..เฮ้อ..แล้วท่านล่ะ..
ยัง..ยังครับ ยังไม่จบยังมีต่ออีกนะ..
วันนี้ ขี้เกียจเขียนแล้วล่ะ..
วันนี้ ขี้เกียจเขียนแล้วล่ะ..
7 ความคิดเห็น:
ใครต้องการออกความเห็น เชิญนะครับ
ถือว่า เป็นการแชร์ความคิดเห็นกัน
เพื่อให้เด็กๆได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
ปาฏิหาริย์
วันนี้เข้ามาอ่านอีกครั้ง แหมนึกว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ ที่อ่านแล้วจะรู้สึกมีกำลังใจ และนำกลับไปพัฒนาตนเองเขียนอีกนะท่าน เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าดีน่ะ นะ/ครูสิราณี(ปุ๊ก)
ครูอันไปโพสหาตั้งหลายครั้งแล้วไม่ยักกะมีแหะเอ๊ะงัยกันเนี๊ยะ..งง...นะนะ..ข้อความเราเลยไมถึงท่านสักที...เห็นแล้วตอบมั้งดิ..รอนะค่ะ..ครูอัน
เย้..มาได้แล้วดีใจจัง...ครูอัน
เขียนต่อสักทีดิรออยู่นะค่ะอ่านแล้วอารายๆมัก็จิงไปโม๊ดดดด ขอบคุณนะค่ะที่ท่านจะมาช่วยแก้ปัญหาที่เรื้อรังครูอันคนหนี่งและที่จะทำตามนโยบายของท่านอย่างสบายใจแลเต็มใจค่ะ...ครูอัน
ขอบคุณมากที่มีการอบรมคอมพิวเตอร์
โจเหล่าซือ
อยากให้คุณปาฏิหาริย์จัดให้เด็กประถมได้ว่ายน้ำด้วยค่ะ
เพราะว่าลูกชายยังว่ายน้ำไม่เป็นเละ จะให้ไปเรียนว่ายน้ำเองก็ไม่ค่อยมีเวลา/ไม่คอยสะดวก จัดให้อยู่ในโปรแกรมการเรียนเหมือนผดุงราษฎ์หรือโรจนวิทย์ก็ดีนะคะ
แสดงความคิดเห็น